กินยาอย่างไร ไม่ให้ตับพัง!
ตับมีหน้าที่ในการขับยาที่หลงเหลือในร่างกายออก ผู้ที่ทานยาและอาหารเสริมเป็นจำนวนมากเป็นเวลานานๆ จึงมักกังวลว่า หากในระยะยาว ตับจะมีปัญหาหรือไม่ จะเสี่ยงเป็นโรคที่เกี่ยวกับตับหรือไม่ วันนี้เราจะมาดูกันนะคะว่าถ้าต้องทานยาบ่อยๆ เราจะดูแลร่างกายอย่างไรไม่ให้ตับพัง 🙂
มียากว่า 900 ชนิดที่มีข้อมูลว่า มีผลต่อการทำงานของตับได้ แม้ว่าจะเป็นยาสมุนไพรก็ตาม แต่ยาและอาหารเสริมเหล่านี้จะมีผลต่อตับของคุณมากน้อยขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ อายุ เพศ การดื่มแอลกอฮอล์ และโรคประจำตัวอื่นๆ
เราสามารถช่วยตับเราได้ค่ะ
หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่รับประทานยาและอาหารเสริมเป็นจำนวนมาก เป็นเวลานาน หรือกังวลเรื่องสุขภาพตับ ลองทำตาม 3 ข้อง่ายๆ นี้นะคะ
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นประจำ
น้ำจะช่วยให้ตับระบายของเสียต่างๆ ออกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดภาระการทำงานที่หนักเกินไป ยิ่งช่วงที่เราทานยามากๆ แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะกว่าปกติแนะนำอย่างต่ำที่ 8–10 แก้วต่อวันนะคะ ถ้าคุณทำงานในห้องแอร์ หรือทำงานที่เสียเหงื่อมาก แนะนำให้ดื่มมากกว่านี้ค่ะ
2. หากมีปัญหาเกี่ยวกับตับให้รีบพบแพทย์
หากคุณยังไม่เคยเช็คสุขภาพตับ แนะนำให้ตรวจได้ตามสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลต่างๆ นะคะ เพื่อที่เราจะได้รู้ถึงสุขภาพและสมรรถภาพการทำงานของตับเรา สำคัญมากเวลาได้รับยามาจะต้องแจ้งแพทย์เสมอเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับตับ เพราะยาบางตัวจะทำให้อาการแย่ลงได้
3. ดูแลตับด้วยอาหาร
ไม่ว่าจะเป็นการลดการดื่มแอลกอฮอล์ที่ส่งผลต่อตับโดยตรง ลดการทานน้ำตาลที่ทำให้สุขภาพตับเสื่อมได้ง่าย รวมถึงลดการทานอาหารที่มีการแปรรูปสูง เพราะมักมีสารตกค้างสูง เท่านี้ก็เป็นการลดภาระของตับได้แล้วค่ะ
การทานยามากๆ ไม่ใช่สาเหตุของตับพังเสมอไป เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ร่วมด้วย หากพฤติกรรมสุขภาพเราไม่ดีแล้ว ไม่ว่าจะทานยาน้อย ก็สามารถทำให้ตับพังได้ค่ะ มาเริ่มดูแลตับกันดีกว่า!