HEALTHCARE ยาและสุขภาพ

8 สัญญาณเตือนว่าร่างกายคุณกำลังขาดวิตามิน ดี

May 11, 2018

8 สัญญาณเตือนว่าร่างกายคุณกำลังขาดวิตามิน ดี

วิตามิน ดี เป็นวิตามินที่สำคัญต่อทุกเซลล์ในร่างกายอย่างมาก ถึงแม้ว่าวิตามิน ดี จะพบได้ไม่ยากทั้งจากแสงแดด และไขมันจากปลา แต่คนมากมายก็ยังขาดวิตามิน ดี โดยที่อาจไม่รู้ตัวเลย! เพราะอาการของการขาดวิตามิน ดี นี้ไม่ชัดเจนมากนัก เราจึงมี 8 สัญญาณที่สามารถสังเกตเองได้ว่าร่างกายเราอาจกำลังขาดวิตามิน ดี!

1. ป่วยบ่อย ร่างกายติดเชื้อง่าย

หนึ่งในหน้าที่ของวิตามิน ดี ที่สำคัญ คือการทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง เพื่อต่อสู้กับไวรัสและแบคทีเรียต่างๆ ถ้ารู้สึกว่าเริ่มป่วยบ่อย เป็นหวัดบ่อยๆ เราอาจกำลังขาดวิตามิน ดี อยู่ก็ได้

2. เหนื่อยและอ่อนเพลียง่าย

คนที่รู้สึกเหนื่อยง่าย อาจเป็นเพราะหลายปัจจัย และการขาดวิตามิน ดี ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นได้ แม้ว่าหลายๆ คนอาจจะมองข้ามอาการนี้ไปก็ตาม

3. ปวดหลัง ปวดกระดูก

วิตามิน ดี เป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก เพราะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น อาการปวดกระดูกหรือปวดหลังบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณของปริมาณวิตามิน ดี ในเลือดที่ต่ำ

4. โรคซึมเศร้า

มีผลการศึกษาจากหลายกลุ่มควบคุม พบว่า อารมณ์ซึมเศร้า อาจเป็นอาการที่เกิดจากการขาดวิตามิน ดี ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีอายุ

5. แผลหายช้า

สังเกตว่าช่วงนี้เวลาเป็นแผล หรือหลังจากผ่าตัดแล้ว แผลสมานตัวช้ากว่าปกติหรือที่เคยเป็นหรือเปล่าคะ คุณอาจกำลังขาดวิตามิน ดี อยู่ก็ได้

6. มวลกระดูกลดลง

อย่างที่เราได้กล่าวไปว่า วิตามิน ดี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยในการเผาผลาญพลังงานของกระดูกอีกด้วย ในกลุ่มของสตรีที่สูงอายุแล้วมักตรวจพบมวลกระดูกที่ลดลง โดยเฉพาะหลังจากที่หมดประจำเดือน หลายๆ ท่านก็เริ่มมองหาแคลเซียมมาทานเสริม แต่จริงๆ คุณอาจกำลังขาดตัวเชื่อมสำคัญ นั่นก็คือ วิตามิน ดี ก็เป็นได้

7. ผมร่วง

หลายๆ ท่านมีอาการผมร่วงมากขึ้นเวลาเครียด ซึ่งเป็นอาการปกติ แต่ในบางท่าน อาการผมร่วงหนักมากๆ อาจเกิดจากการขาดสารอาหารได้เช่นกัน

8. เจ็บปวดกล้ามเนื้อ

การขาดวิตามิน ดี ก็อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดการเจ็บปวดกล้ามเนื้ิอได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

เห็นอย่างนี้แล้วก็อย่าลืมทานอาหารที่มีวิตามิน ดี สูง และเลือกทานวิตามิน ดี เสริมที่มีคุณภาพ ทานในปริมาณ 400 – 800 IU/day หรือปรึกษาแพทย์/เภสัชกร ในปริมาณการทานที่เหมาะสมต่อร่างกายและความจำเป็นนะคะ