เป็นไข้หวัด ไม่สบาย กินยาอะไรดี?

อากาศในเมืองไทยเปลี่ยนแปลงบ่อย ประเดี๋ยวร้อน ประเดี๋ยวฝนตก ร่างกายเราอาจมีปัญหาในการปรับตัว โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกชุก จะมีคนป่วยเป็นไข้หวัดจำนวนมาก หากเราไม่สบายแล้ว ควรจะเลือกทานยาอย่างไรดี

ไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีมากถึง 200 ชนิด ข่าวดีคือ หากเราเคยติดเชื้อชนิดใดๆแล้ว เป็นหวัดแล้ว ร่างกายก็จะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันจากไวรัสชนิดนั้นๆ เราจึงพบว่า เด็กมักป่วยเป็นไข้หวัดมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะยังมีภูมิต้านทานต่อไวรัสไม่กี่ชนิดนั่นเอง

ก่อนอื่นต้องมาแยกให้ออกก่อนว่า เราเป็น “ไข้” หรือ เป็น “หวัด” ??

หากเราเป็น “ไข้” คือ เรามีอาการตัวร้อน ปวดศีรษะ อาจมีอาการมึนหัว งง ร่วมด้วย หากเราเป็น “หวัด” จะมีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก ไอ จาม ร่วมด้วย

กินยาอะไรดี?

จริงๆ แล้วการรักษาไข้หวัดนั้นเป็นการรักษาตามอาการ เพราะยังไม่มียาที่จะมาต้านเชื้อไวรัสได้โดยตรง ดังนั้น คนที่เป็นไข้หวัด ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่ออาการดีขึ้นก็สามารถหยุดยาได้ ยาที่นิยมใช้ได้แก่

ยาลดไข้ ใช้ยาพาราเซตามอล สำหรับผู้ใหญ่ทานปริมาณ 500 – 1,000 มก. ต่อวัน ทานซ้ำได้ทุก 4 – 6 ชม. ไม่เกิน 8 เม็ดต่อวัน และไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 5 วัน

ยาอีกกลุ่มที่นิยมใช้ คือ กลุ่มยาแก้อักเสบ เช่น แอสไพริน และ ไบรูโพรเฟน แต่ไม่ควรใช้ลดไข้ของโรคไข้เลือดออก

ยาลดน้ำมูก แก้คัดจมูก แบ่งประเภทยาได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

– ยาแก้คัดจมูก ออกฤทธิ์โดยการหดหลอดเลือด เช่น phenylephrine, pseudoephedrine และยาพ่น เช่น oxymetazoline

– ยาลดน้ำมูก ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งผลของฮีสตามีน หรือในกลุ่มยาแก้แพ้ เช่น ยาแก้แพ้กลุ่มแบบง่วง chlorpheniramine, brompheniramine, hydroxyzine, cyproheptadine และยาแก้แพ้แบบไม่ง่วง cetirizine, loratadine, desloratadine, fexofenadine

อย่างไรก็ดี อย่าลืมปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทานยาทุกครั้งเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดต่อร่างกายนะคะ ^^