เป็นกลาก รักษาอย่างไรดี?

กลาก (Ringworm) เกิดจากการติดเชื้อราบนผิวหนัง จะปรากฏเป็นวงแดงหรือขุยสีขาว อาจมีอาการอักเสบร่วมด้วย พบได้ทั้งศีรษะ ใบหน้า ผิวหนัง เล็บ ในทุกเพศ ทุกวัย

สาเหตุของโรคกลาก

เชื้อราที่ทำให้เกิดโรคกลาก คือ กลุ่ม เดอมาโทไฟท์ (Dermatophytes) เชื้อราชนิดนี้จะอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อโปรตีนที่ตายแล้วบนผิว ไม่เข้าสู่ร่างกายหรือเยื่อบุผิว หากร่างกายมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีอายุมาก น้ำหนักเกินมาตรฐาน เคยติดเชื้อรามาก่อน หรือมีประวัติเป็นเบาหวาน ก็จะทำให้ติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น

การรักษาโรคกลาก

โรคกลากสามารถรักษาได้ด้วยการทายาต้านเชื้อรา หากเป็นกลากที่ผิวหนัง สามารถใช้ ครีมทากลุ่มคีโตโคนาโซล ทา 1 – 2 ครั้งต่อวัน เป็นระยะเวลา 2 – 4 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะหาย แต่หากมีอาการมาก อาจมีการทานยาฆ่าเชื้อราร่วมด้วย เช่น

– ยา Itraconazole รับประทานในขนาด 100 mg วันละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 15 วัน

– ยา Griseofulvin รับประทานในขนาด 500 mg วันละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 4 – 6 สัปดาห์

– ยา Ketoconazole รับประทานในขนาด 200 – 400 mg วันละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 3 – 4 สัปดาห์ (ไม่ควรใช้เป็นตัวเลือกในการรักษาอย่างแรง เพราะอาจมีผลต่อตับ หากต้องการทานควรปรึกษาแพทย์ก่อน)

หากเป็นกลากที่ศีรษะให้รับประทานยากริซีโอฟุลวิน (Griseofulvin) ขนาด 500 –1,000 มิลิกรัม วันละครั้ง นาน 4 – 6 สัปดาห์ สามารถใช้ยาสระผมที่มีส่วนผสมของคีโนโคซาโซลสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 เดือน หรือใช้ต่อเนื่องจนกว่าจะหาย

หากสงสัยว่าติดเชื้อรา แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจว่าติดเชื้อราประเภทใดเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง