ท้องเสีย ควรกินยาอะไรดี?
หลายๆ คนคงเคยมีอาการท้องเสีย ซึ่งก็คือ อาการถ่ายอุจจาระเหลว เป็นน้ำ ถ่ายถี่มากกว่าปกติ หากท้องเสียแล้วมักรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีกำลัง ยิ่งหากมีอาการอาเจียน อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว
อาการท้องเสียเกิดได้จากสาเหตุมากมาย เช่น ทานอาหารที่ไม่สะอาด หรือไม่สด หรือมีภาวะแพ้อาหาร อาจเกิดได้จากความผิดปกติของอารมณ์และจิตใจก็ได้เช่นกัน หรือบางท่านอาจเกิดอาการท้องเสียได้จากการรับสารเคมีที่เป็นพิษเข้าไปเกินขนาด ซึ่งอาจจะเกิดจากการสูดดม หรือสัมผัสในทุกๆ วันจากสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ก็เป็นได้
ในบางกรณี อาการท้องเสียอาจเกิดจากการติดเชื้อต่างๆ เช่น อหิวาต์ ทัยฟอยด์ หรือเกิดจากการกินยาบางชนิด หากมีอาการท้องเสียอย่างหนัก มีอาการอาเจียนร่วม ตาพร่า น้ำลายฟูมปาก หรือ หน้ามืด ตัวเย็น หมดสติ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุของอาการโดยเร็วที่สุด
แต่หากอาการไม่รุนแรงมาก แต่มีอาการติดต่อกันนานเกิน 2 วัน ก็ควรไปพบแพทย์นะคะ
ท้องเสีย กินยาอะไรดี?
มียาแก้ท้องเสียหลายชนิดที่คุณสามารถหาซื้อเองได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น
- อิโมเดี้ยม : ทานครั้งละ 1 – 2 แคปซูลในครั้งแรก ต่อไปให้ทาน 1 แคปซูล ทุก ๆ 4 – 6 ชั่วโมง จนกว่าจะหยุดถ่าย
- ทิงเจอร์ฝิ่นการบูร : ทาน 1 – 2 ช้อนชา เจือน้ำอุ่นทุกๆ 2 – 3 ชั่วโมง ไม่ควรใช้ในผู้สูงวัย
- โลโมติล : ทานครั้งแรก 2 – 4 เม็ด ต่อไปครั้งละ 1 – 2 เม็ด ทุกๆ 4 – 6 ชั่วโมง จนกว่าจะหยุดถ่าย *ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กเล็ก
- ยาเม็ดโดเวอร์ : ทาน 1 – 2 เม็ด ทุกๆ 4 – 6 ชั่วโมง
หรือทานยาประเภทดูดซับพิษของเชื้อโรค เช่น
- ยาเม็ดซัลฟากัวนีดีน : ทานครั้งแรก 4 – 6 เม็ด ต่อไปครั้งละ 2 – 3 เม็ดทุกๆ 4 ชั่วโมง
- ยาเม็ดธาลีลซัลฟาไธอาโซล : ทานครั้งแรก 3 – 4 เม็ด ต่อไปครั้งละ 2 เม็ดทุกๆ 4 ชั่วโมง
หรือปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยาใกล้บ้านคุณหากมีอาการท้องเสียนะคะ ^^