ทำความรู้จักกับ “ยาคุมฉุกเฉิน”
ทำความรู้จักกับ “ยาคุมฉุกเฉิน”
ในกรณีที่สาวๆ มีเพศสัมพันธ์โดยลืมป้องกัน หรือเกิดอุบัติเหตุถุงรั่ว ถุงแตก ขึ้นมาในระหว่างภารกิจ “ยาคุมฉุกเฉิน” ก็เป็นตัวช่วยชั้นดีที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้ แต่ในขณะเดียวกัน การทานยาคุมฉุกเฉินก็นำมาซึ่งผลข้างเคียงมากมาย แถมยังไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการทานเป็นประจำ ก่อนหาซื้อมาใช้เราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินให้ดีซะก่อน
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน คืออะไร?
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (emergency contraceptive pills หรือ morning-after pills) เป็นยาเม็ดชนิดฮอร์โมนสูง ที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเอาไว้ใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ในยามฉุกเฉินเท่านั้น โดยตัวยาดังกล่าวจะไปรบกวนการตกไข่ หรือรบกวนการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิไม่ให้ก่อกำเนิดมาเป็นตัวอ่อนได้ ซึ่งโดยทั่วไปจะต้องกินภายใน 72 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์ จึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรใช้เมื่อไหร่?
- หลังการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
- ในกรณีที่ผู้หญิงถูกข่มขืน
- การคุมกำเนิดมีโอกาสล้มเหลว เช่น ถุงยางรั่ว ฉีกขาด หลุด หรือใส่ไม่ถูกวิธี
- ลืมทานยาคุมกำเนิดแบบปกติ หรือทานไม่ครบแผง (ลืมกินยาฮอร์โมนรวม เม็ดที่ 1-7 หรือ เม็ดที่ 15-21 ของแผง หรือลืมกินยาฮอร์โมนเดี่ยวเกิน 27 ชั่วโมง)
- ห่วงคุมกำเนิดหลุด หรือยาคุมแบบฝังหลุด
- คำนวณวันที่มีเพศสัมพันธ์พลาด
วิธีคุมกำเนิดด้วยยาคุมฉุกเฉิน
- สำหรับยา Ulipristal acetate (UPA) 30 มก. – เป็นตัวยาที่มีประสิทธิภาพคุมกำเนิดสูง ให้ทานเพียง 1 เม็ด ครั้งเดียว โดยทานหลังมีเพศสัมพันธ์ภายใน 120 ชั่วโมง เนื่องจาก UPA สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งการฝังตัวของตัวอ่อนที่ผสมแล้วได้
- สำหรับยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนรวม Ethinyl estradiol 100 μg + Levonorgestrel 0.50 mg – ให้ทาน 2 เม็ด โดยทานห่างกัน 12 ชั่วโมง แต่หากยาคุมมีปริมาณเอสโตรเจนน้อย หรือไม่เกิน 30 μg ก็อาจต้องทานทั้งหมด 4 เม็ด ตามคำแนะนำของแพทย์
- สำหรับยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว Levonorgestrel 0.75 mg – ให้ทาน 2 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง โดยเม็ดแรกต้องทานไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
*หากอาเจียนหลังจากทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกภายใน 3 ชั่วโมง ให้ทานอีกเม็ดทันทีและทานเม็ดที่สอง 12 ชั่วโมงถัดไป
ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังทานยาคุมฉุกเฉิน ได้แก่
- รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ
- ปวดเกร็งท้องน้อย คล้ายตอนมีประจำเดือน
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น ประจำเดือนขาด หรือมีเลือดออกไม่หยุด
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูก
อย่างไรก็ตาม สาวๆ ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีคุมกำเนิดตามปกติ เนื่องจากยาคุมชนิดนี้มีปริมาณฮอร์โมนสูงและก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้มาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้โดยเฉพาะในคนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือมีโรคประจำตัวอื่นๆ อยู่แล้ว ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน จึงควรเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น กรณี ฉุกเฉิน หรือปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาคุมจะดีที่สุด