vitamin

วิตามินแบบแตกตัวช้า คืออะไร และดีอย่างไร?

https://smartypantsvitamins.com/natural-vitamins-vs-synthetic-vitamins-part-1-vitamin-a/ ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของวงการวิตามิน คือ การค้นพบวิธีการผลิตวิตามินแบบแตกตัวช้า ซึ่งทำได้โดยการบรรจุวิตามินเป็นเม็ดกลมขนาดจิ๋วมากมาย จากนั้นก็นำไปรวมเข้ากับสารประกอบชนิดพิเศษที่ออกแบบมาให้ค่อย ๆ แตกตัว เพื่อให้การดูดซึมเข้าสู่ร่างกายใช้เวลา 3–6 ชั่วโมง วิตามินส่วนใหญ่เป็นชนิดละลายน้ำและไม่สามารถเก็บสะสมไว้ในร่างกายได้ หากไม่มีเทคโนโลยีการทำให้แตกตัวช้า มันจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว และไม่ว่าจะรับประทานปริมาณมากเพียงใด ก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะในเวลา 2–3 ชั่วโมง http://www.mybeautygym.com/are-you-taking-too-many-vitamins/ วิตามินอาหารเสริมในแบบแตกตัวช้าให้ประสิทธิผลที่ดีขึ้น ลดการสูญเสียจากการถูกขับออก และช่วยรักษาระดับของวิตามินในเลือดให้คงที่ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน (อ่านฉลากเพื่อให้ทราบลักษณะการแตกตัว เพราะวิตามินที่ระบุว่าแตกตัวช้าบางตัวอาจแตกตัวในเวลา 2 ชั่วโมง หรือเร็วกว่านั้น จึงไม่ได้ให้ผลที่ดีกว่าวิตามินแบบปกติซึ่งราคาต่ำกว่ามาก)

รับประทานวิตามินเสริมอาหารอย่างไร และเมื่อไหร่จึงเหมาะสม

http://www.organicauthority.com/do-vitamins-expire-the-truth-about-your-supplements/ ร่างกายมนุษย์ทำงานเป็นวัฏจักรตลอด 24 ชั่วโมง เซลล์ของคุณไม่ได้นอนหลับไปด้วยในขณะที่คุณหลับ และเซลล์ก็ไม่สามารถมีชีวิตได้หากปราศจากออกซิเจน และสารหล่อเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อให้ได้ผลดีกับร่างกายที่สุด แนะนำให้แบ่งวิตามินเสริมอาหารของคุณเป็นมื้อ ๆ รับประทานตลอดทั้งวัน http://www.sbs.com.au/food/article/2014/05/09/eat-well-four-myths-about-vitamin-supplements ช่วงเวลาหลักในการรับประทานวิตามิน คือ พร้อมมื้ออาหารหรือหลังอาหาร เนื่องจากวิตามินเป็นสารอินทรีย์ จึงควรรับประทานพร้อมอาหารและแร่ธาตุอื่นเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด และเนื่องจากวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ โดยเฉพาะวิตามินบีรวมและซี จะถูกขับออกทางปัสสาวะอย่างรวดเร็ว หากคุณสามารถรับประทานพร้อมอาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็นได้ จะช่วยให้ร่างกายของคุณมีวิตามินในระดับสูงตลอดทั้งวัน แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะรับประทานหลังอาหารทุกมื้อ อาจรับประทานครึ่งหนึ่งหลังอาหารเช้า และอีกครึ่งหนึ่งหลังอาหารเย็นแทนก็ได้...

วิตามินมีกี่รูปแบบ?

http://www.artesanias-minerales.com/what-is-vitamin/ แหล่งที่มาของวิตามิน วิตามินเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในอาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เรารับประทาน มีทั้งรูปแบบแคปซูล เม็ดอัด ผง หรือน้ำ หรือมาจากการทำอาหาร ถึงแม้ว่าเราสังเคราะห์วิตามินได้หลายตัว แต่ส่วนใหญ่แล้วจะใช้วิธีสกัดจากธรรมชาติมากกว่า เช่น วิตามินเอที่สกัดมาจากน้ำมันตับปลา วิตามินบีรวมที่สกัดจากตับ หรือยีสต์ วิตามินซีที่ดีที่สุดสกัดมาจากโรสฮิป ซึ่งเป็นเบอร์รี่ที่พบในผลของกุหลาบชนิดหนึ่ง พบได้หลังจากที่กลีบร่วงโรยแล้ว และวิตามินอีที่ส่วนใหญ่สกัดจากถั่วเหลือง จมูกข้าวสาลี หรือข้าวโพด http://sailorsaturn.tk/hudor/vitamin-a-pill-cenu.php รูปแบบต่างๆ ของวิตามิน ความต้องการของคนเราแตกต่างกันไป ด้วยเหตุผลนี้ทำให้วิตามินมีหลายรูปแบบ เช่น เม็ดอัด เป็นรูปแบบที่เจอบ่อยและสะดวกที่สุด...

ธาตุเหล็ก (Iron) บริโภคอย่างไรให้พอดี????

http://www.medicinenet.com/hemoglobin/article.htm “เหล็ก” เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างยิ่ง มีความสำคัญต่อการผลิตเฮโมโกลบินส่วนประกอบที่สำคัญของเม็ดเลือดแดง, ไมโอโกลบินที่เป็นเม็ดสีแดงในกล้ามเนื้อ และเอนไซม์บางชนิด เฮโมโกลบินซึ่งเป็นที่สะสมของธาตุเหล็กส่วนใหญ่ในร่างกาย ถูกย่อยสลายและนำกลับมาใช้ใหม่ ตามวงจรชีวิตของเม็ดเลือดแดงซึ่งมีระยะเวลา 120 วัน ส่วนธาตุเหล็กที่เกาะกับโปรตีน (เฟอร์ริติน) และธาตุเหล็กในเนื้อเยื่อ (ในไมโอโกลบิน) ถูกเก็บสะสมในร่างกายในเพียงปริมาณเล็กน้อย มีเพียงแค่ร้อยละ 8 ของธาตุเหล็กที่รับประทานเข้าไปเท่านั้นที่ร่างกายดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ ผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กก. จะมีธาตุเหล็กประมาณ 4 กรัมในร่างกาย แร่ธาตุนี้ดีต่อร่างกายอย่างไร ช่วยการเจริญเติบโต ส่งเสริมความต้านทานการเจ็บป่วย ป้องการการอ่อนเพลีย รักษาและป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก...