ยาแก้อักเสบ VS ยาฆ่าเชื้อ เหมือนกันใช้แทนกันได้หรือเปล่า?

คงด้วยหน้าตาที่คล้ายๆ กัน จึงเกิดเป็นความสับสนเวลาไปซื้อยา (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ปรึกษาเภสัชกรก่อน) ยาแก้อักเสบ กับ ยาฆ่าเชื้อ นั้นมีฤทธิ์ต่างกันและให้ผลต่างกันโดยสิ้นเชิง

ยาแก้อักเสบ หรือ anti-inflammatory medicine เป็นยาที่ออกฤทธิ์ลดและต้านอาการอักเสบ แก้ปวด ลดไข้ ใช้ทานเพื่อบรรเทาอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้ิอ ปวดข้อ และเมื่อมีอาการอักเสบ เช่น เส้นเอ็นอักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นแผลบวม อาการอักเสบในโรคเก๊าต์ เป็นต้น

วิธีทานยาแก้อักเสบ

1. ทานหลังรับประทานอาหารเท่านั้น และต้องดื่มน้ำตามมากๆ ป้องกันการระคายเคืองในกระเพาะ

2. หากอาการทุเลาลงแล้ว ให้หยุดทานยาทันที หากทานไปนานๆ อาจส่งผลให้เกิดการสะสมจนเกิดเป็นภาวะไตวายได้

3. หากมีผื่นคันขึ้นตามตัว ให้หยุดทานยา เพราะอาจเป็นอาการแพ้ยาได้

4. หากลืมทานยา จะต้องทานยาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ แม้จะไม่ถูกช่วงเวลาก็ตาม

ยาฆ่าเชื้อ หรือ Antibiotic เป็นยาฆ่าเชื้อโรค ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ยาประเภทนี้ เช่น เพนนิซิลิน และ อะม็อกซีซิลิน ยาฆ่าเชื้อไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ ใช้ทานเพื่อรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ทอนซิลอักเสบเป็นหนอง ปัสสาวะแสบขัดจากการติดเชื้อ อาการเจ็บคอจากการเป็นหวัด

วิธีทานยาฆ่าเชื้อ

ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยาทานเอง เพราะยาฆ่าเชื้อมีหลายชนิดแตกต่างกันไปตามอาการและเชื้อ จึงควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง ไม่ควรหยุดยาก่อนที่ยาจะหมดแม้อาการจะหายแล้ว เพื่อการรักษาที่ได้ผลดี และป้องกันปัญหาเชื้อดื้อยา