ยาไมเกรน กินผิด ระวังอันตราย!

ไมเกรนคืออะไร? ปวดไมเกรน คือ อาการที่เกิดจากการขยายและหดของหลอดเลือดที่กะโหลกศีรษะ ซึ่งอาจจะมีอาการนำก่อนเกิดอาการปวดราวๆ 30 นาที เช่น ตาพร่า เห็นภาพหรือแสงสีผิดปกติ แขนขาอ่อนแรง เกิดอาการคัน แสบร้อน ชา บริเวณผิวหนัง หรือหากไม่มีอาการเหล่านี้ ก็อาจมีความรู้สึกไวต่อแสง เสียง และกลิ่นมากกว่าปกติ เพลีย หิวอาหาร หิวน้ำ ซึ่งอาการแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นก่อนการปวดหลายชั่วโมง หลังจากนั้นจะเกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง ซึ่งอาจจะเป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียว บางครั้งก็สองข้างอยู่นานประมาณ 2 – 3...

ช่วงอากาศเปลี่ยน ผิวหนังเป็นผื่นแพ้ขึ้น แก้อย่างไรดี?

ประเทศไทยช่วงนี้เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตก บางทีฤดูหนาวก็มีฝนตกลงมา เดี๋ยวแดดจ้าร้อนจัด เปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ผิวหนังเราต้องเจอกับสภาวะความเปลี่ยนแปลง เกิดเป็น “ผื่นภูมิแพ้” ขึ้นมาให้รำคาญใจ โดยผิวจะแห้งแตก เป็นขุย หรือมีอาการอักเสบ และมีอาการคันยุบยับๆ ให้เกากันสนุก แต่เมื่อเกาแล้ว อาการก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก และยิ่งในบางท่าน เกากันจนเลือดออกเลยทีเดียว อย่ามองข้ามอาการเหล่านี้! อาการผื่นภูมิแพ้เหล่านี้ไม่ได้ส่งผลแค่ร่างกายอย่างเดียว ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เนื่องจากการนอนหลับไม่เพียงพอ และการขาดความมั่นใจจากผิวหนังที่ไม่สวย เราป้องกันได้ ดังนี้ 1. ดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ผิวแห้ง เป็นภาวะที่ผิวขาดน้ำและอ่อนแอ...

วิตามิน B6 มีประโยชน์มากมายที่ขาดไม่ได้ !!

กลุ่มวิตามินบี 6 เป็นกลุ่มของ ไพริด็อกซิน (Pyridoxine) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ และถูกขับออกจากร่างกายใน 8 ชั่วโมง ร่างกายของเราจำเป็นต้องใช้วิตามินนี้ในการสร้างแอนติบอดี้และเม็ดเลือดแดง ใช้ในการดูดซึมวิตามินบี 12 และในการสร้างกรดไฮโดรคลอริก (น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร) และแมกนีเซียม โดยปกติแล้วในผู้ใหญ่ ควรได้รับวิตามินบี 6 ในปริมาณ 1.6 – 2.0 มิลลิกรัมทุกวัน แต่หากคุณเข้ากลุ่มดังต่อไปนี้ ควรจะทานวิตามินบี 6 เพิ่มมากขึ้น หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ที่รับประทานโปรตีนมาก...

โรคร้ายที่มากับน้ำท่วม

ช่วงหน้าฝนแบบนี้ มีโรคร้ายที่แฝงมากับน้ำมากมาย โดยเฉพาะน้ำที่ท่วมขังไม่ได้รับการระบาย เพราะมักจะมีสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่างๆ แฝงมาด้วย มาระวังโรคร้ายต่างๆ ที่แฝงมากับน้ำท่วมกัน 1. โรคฉี่หนู (โรคเลปโตสไปโรซิส) โรคระบาดที่ติดมาจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปัสสาวะของหนู วัว ควาย สุนัข และแมว โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะเข้าไปทางบาดแผล ตา และปาก ทำให้เกิดอาการตัวร้อน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อโดยเฉพาะบริเวณน่องและโคนขา หรือหลัง จากนั้นจะค่อยๆ มีอาการตาแดง สู้แสงไม่ได้ มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ซึม หากเชื้อเข้าไปถึงสมอง จะมีอาการเพ้อ ป้องกันโดย :...

ท้องเสีย ควรกินยาอะไรดี?

หลายๆ คนคงเคยมีอาการท้องเสีย ซึ่งก็คือ อาการถ่ายอุจจาระเหลว เป็นน้ำ ถ่ายถี่มากกว่าปกติ หากท้องเสียแล้วมักรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีกำลัง ยิ่งหากมีอาการอาเจียน อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว อาการท้องเสียเกิดได้จากสาเหตุมากมาย เช่น ทานอาหารที่ไม่สะอาด หรือไม่สด หรือมีภาวะแพ้อาหาร อาจเกิดได้จากความผิดปกติของอารมณ์และจิตใจก็ได้เช่นกัน หรือบางท่านอาจเกิดอาการท้องเสียได้จากการรับสารเคมีที่เป็นพิษเข้าไปเกินขนาด ซึ่งอาจจะเกิดจากการสูดดม หรือสัมผัสในทุกๆ วันจากสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ก็เป็นได้ ในบางกรณี อาการท้องเสียอาจเกิดจากการติดเชื้อต่างๆ เช่น อหิวาต์ ทัยฟอยด์ หรือเกิดจากการกินยาบางชนิด หากมีอาการท้องเสียอย่างหนัก มีอาการอาเจียนร่วม ตาพร่า...

ยาคุมฉุกเฉิน คุณใช้ถูกหรือเปล่า?

ยาคุมฉุกเฉิน ชื่อก็บอกว่า ใช้คุมกำเนิดป้องกันการตั้งครรภ์ในเวลาที่ฉุกเฉินกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิด หรือ เกิดความผิดพลาด เช่น ถุงยางอนามัยขาด กรณีมีเพศสัมพันธ์โดยไม่เต็มใจ หรือฝ่ายหญิงลืมทานยาคุมกำเนิด ยาคุมฉุกเฉินจะช่วยยับยั้งหรือชะลอการตกไข่ และสร้างเมือกที่ปากมดลูกเพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่ได้ ยาคุมฉุกเฉิน ทานตอนไหนดีที่สุด? หากทานทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์จะให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการคุมกำเนิด แต่โดยทั่วไปแล้วควรรับประทานภายใน 72 ชั่วโมง วิธีการทานยาคุมกำเนิดมี 2 แบบ ส่วนใหญ่หากซื้อตามร้านขายยาทั่วไปจะมี 2 เม็ด วิธีการทานแบบแรก คือ ทานเม็ดแรกทันที หรือภายใน 72 ชั่วโมง และทานเม็ดที่...

ยาคุมกำเนิด มือใหม่จะเริ่มใช้อย่างไรดี?

คุณผู้หญิง หรือสาวๆ หลายคนอาจกำลังคิดเริ่มทานยาคุมกำเนิดเป็นครั้งแรก แต่ยังกล้าๆ กลัวๆ รู้สึกอายที่จะเข้าไปสอบถามเภสัชกร วันนี้เราเลยนำข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด และการทานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดมาฝากกันค่ะ ยาคุมกำเนิด มีกี่แบบ? ยาคุมกำเนิดมีทั้งแบบ 21 เม็ด (พักระหว่างแผง 7 วัน) และ 28 เม็ด (กินเม็ดแป้ง 7 วัน ทำให้ไม่ต้องพักระหว่างแผง) ควรเริ่มทานเม็ดแรกช่วงที่ประจำเดือนมา 1 – 5 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ตั้งครรภ์ ในตลาดมียาคุมกำเนิดอยู่ 2 ประเภท คือ...

7 พฤติกรรมเสี่ยง ที่อาจทำให้ร่างกายขาดแมกนีเซียม

การขาดแมกนีเซียมนั้นเป็นอันตรายทั้งต่อสุขภาพร่างกาย สุขภาพหัวใจ สุขภาพกระดูก และสุขภาพจิต แม้ว่าคนที่ขาดแมกนีเซียมจริงๆ อาจมีไม่มาก และส่วนใหญ่มักตรวจไม่พบหากไม่ขาดอย่างรุนแรง แต่หากขาดอ่อนๆ เป็นเวลานานก็ทำให้สุขภาพแย่ลงได้มากทีเดียว มาเช็คกันเถอะว่า เราทำพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้ร่างกายขาดแมกนีเซียมทั้ง 7 อย่างนี้อยู่หรือเปล่า? 1. ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ น้ำหวานอัดลมสีเข้มๆ มักมีฟอสเฟสอยู่ ซึ่งฟอสเฟสจะไปจับกับแมกนีเซียมในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้ หมายความว่า แม้คุณจะทานอาหารดีต่อสุขภาพ แต่หากดื่มน้ำอัดลมกับอาหารแล้ว ร่างกายจะไม่สามารถดึงแมกนีเซียมไปใช้ได้เลย 2. ทานอาหารประเภทขนมปัง เค้ก ขนมหวานๆ และอาหารหวานๆ เป็นประจำ...

คุณกำลังขาด แมกนีเซียม อยู่หรือเปล่า?

ตามสถิติแล้ว คนที่ขาดแมกนีเซียมจริงๆ นั้น มีไม่เกิน 2 % แต่จากรายงานต่างๆ พบว่า คนส่วนใหญ่ได้รับแมกนีเซียมต่อวันไม่เพียงพอ แม้แต่คนที่ขาดแมกนีเซียมจริงๆ ก็อาจจะตรวจไม่พบ เพราะอาการของการขาดนั้นไม่รุนแรง และอาการส่วนใหญ่จะไม่แสดงเมื่อยังไม่ขาดแมกนีเซียมอย่างรุนแรง อาการที่มักพบได้เมื่อเริ่มขาดแมกนีเซียม เช่น อาการอ่อนเพลีย : ร่างกายเหนื่อยตลอดเวลา กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อชา : กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก หากเป็นรุนแรงมากอาจทำให้เกิดอาการชักหรือการหดเกร็งของกล้ามเนื้อแบบผิดปกติได้ คุณภาพการนอนหลับต่ำ สุขภาพจิตใจและอารมณ์ไม่ปกติ : ไม่รู้สึกถึงอารมณ์ต่างๆ เหมือนที่เคยเป็น อาจทำให้เกิดโรควิตกกังวล หรือ โรคซึมเศร้าได้ หากเป็นรุนแรง อาจเกิดอาการคลุ้มคลั่งหรือโคม่าได้ อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ : เป็นอาการผิดปกติที่อันตราย...

น้ำมันตับปลา กับ น้ำมันปลา ต่างกันนะ!

เรามักได้ยินคนพูดถึง น้ำมันปลา หรือ น้ำมันตับปลา บ่อยๆ ด้วยความที่ชื่ออาจจะคล้ายกันและรูปร่างลักษณะของน้ำมันทั้งคู่ก็ไม่ต่างกัน คนจึงมักคิดว่าน้ำมันสองชนิดนี้คือน้ำมันชนิดเดียวกัน ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ น้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) และ น้ำมันปลา (Fish Oil) เป็นน้ำมันคนละชนิดกัน และมีคุณสมบัติต่างกันอย่างมาก น้ำมันตับปลา (Cod Liver Oil) เป็นน้ำมันที่ได้จากตับของปลาคอด ซึ่งเป็นปลาทะเล มีส่วนประกอบสำคัญ คือ วิตามิน เอ...