vitamin

3 ข้อควรรู้ ก่อนทานวิตามิน

3 ข้อควรรู้ ก่อนทานวิตามิน ความนิยมในการซื้อวิตามินมารับประทานเสริมนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ กับคนวัยทำงาน ที่มีเวลาในการเลือกรับประทานอาหารน้อย และเครียดจากการตรากตรำงานหนัก และคนสูงอายุ ที่รับประทานเพื่อทดแทนวิตามินที่ร่างกายอาจได้รับไม่เพียงพอในแต่ละวัน อย่างไรก็ดี  ก่อนที่จะซื้อวิตามินมารับประทานเสริม เราจึงควรทำความเข้าใจกับวิตามินก่อนทาน เพื่อประสิทธิภาพในการช่วยบำรุงร่างกายอย่างสูงสุดและตรงจุด   การรับประทานวิตามินเสริมไม่สามารถทดแทนอาหารหลักได้ เนื่องจากในอาหารนั้นนอกจากจะมีวิตามินที่ร่างกายต้องการแล้ว ยังมีสารอาหารอีกหลายอย่างที่วิตามินเสริมไม่สามารถทดแทนได้ และการรับประทานอาหารเดิมซ้ำๆ ไม่หลากหลายนั้นโอกาสไม่ได้รับวิตามินครบก็มีสูง ดังนั้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เป็นอันดับแรก แล้วจึงค่อยเสริมด้วยการทานวิตามินในส่วนที่ไม่สามารถรับประทานได้เพียงพอ   วิตามินที่จะรับประทานเสริมนั้น ตรงตามความต้องการของร่างกายหรือไม่...

วิตามินเสริม สำหรับผู้หญิงในแต่ละช่วงวัย

วิตามินเสริม สำหรับผู้หญิงในแต่ละช่วงวัย ผู้หญิงเป็นเพศที่ให้ความสำคัญกับการดูแลเอาใจใส่ตนเองอยู่แล้ว แต่ความต้องการวิตามินเสริมของผู้หญิงในแต่ละช่วงวัย ไม่เหมือนกัน จึงควรรับประทานให้เหมาะกับความต้องการของร่างกาย หรือปรึกษาเภสัชกรเพื่อเลือกรับประทานวิตามินที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงในแต่ละช่วงวัย วัยรุ่น 13-20 ปี เป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตจึงมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและความคิดที่ชัดเจน ซึ่งในความเป็นจริง การรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ก็เพียงพอแล้ว แต่หากอยากเสริมเรื่องผิวพรรณให้สวยใส ลดความมันและสิว อาจจะหาวิตามินรวม เช่น วิตามิน A, C, D, E, แคลเซียม และสังกะสี (Zinc) มาทาน...

ทานวิตามินอย่างไร ให้ได้ประโยชน์

ทานวิตามินอย่างไร ให้ได้ประโยชน์   ปัจจุบัน คนนิยมหันมาทานวิตามินเสริมกันมากขึ้น โดยเชื่อว่าจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสวยใส ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในการรับประทานวิตามินเสริม เรามาทำความรู้จักกับวิตามินเหล่านี้กันก่อนดีกว่า วิตามิน สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามิน B, C ซึ่งเมื่อรับประทานมากเกินความจำเป็น ร่างกายจะขับออกเองได้ ไม่สะสมไว้ วิตามิน C เกี่ยวกับการสร้างคอลลาเจน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ถึงแม้ว่าร่างกายสามารถขับออกไปเองได้...

วิตามิน B6 มีประโยชน์มากมายที่ขาดไม่ได้ !!

กลุ่มวิตามินบี 6 เป็นกลุ่มของ ไพริด็อกซิน (Pyridoxine) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ และถูกขับออกจากร่างกายใน 8 ชั่วโมง ร่างกายของเราจำเป็นต้องใช้วิตามินนี้ในการสร้างแอนติบอดี้และเม็ดเลือดแดง ใช้ในการดูดซึมวิตามินบี 12 และในการสร้างกรดไฮโดรคลอริก (น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร) และแมกนีเซียม โดยปกติแล้วในผู้ใหญ่ ควรได้รับวิตามินบี 6 ในปริมาณ 1.6 – 2.0 มิลลิกรัมทุกวัน แต่หากคุณเข้ากลุ่มดังต่อไปนี้ ควรจะทานวิตามินบี 6 เพิ่มมากขึ้น หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ที่รับประทานโปรตีนมาก...

จะรู้ได้อย่างไรว่าวิตามินเสื่อมอายุแล้ว ?

โดยปกติเราสามารถดูได้จากวันหมดอายุที่ขวดเลยค่ะ เราไม่ควรทานวิตามินที่หมดอายุแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะเก็บดีขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่อเลยวันหมดอายุมาแล้ว นั่นก็หมายความว่า ประสิทธิภาพของวิตามินก็อาจลดลง ใช้ไม่ได้ผลเหมือนเดิม หรือบางทีอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ แต่บางทีหากเราเก็บไม่ดี ก็อาจทำให้วิตามินหรือยานั้นๆ เสื่อมคุณภาพเร็วกว่ากำหนดได้เช่นกัน วิธีการสังเกตง่ายๆ ได้แก่ สีของวิตามินหรือยาเปลี่ยนไป บางครั้งขนาดของเม็ดก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ มีจุดด่าง ขึ้นรา หรือผิวเคลือบร่อน เหนียว มีกลิ่นผิดไปจากเดิม ยาในแคปซูลพองออก หรือจับตัวกัน ในผงอาจมีเชื้อราปนเปื้อน เก็บรักษาวิตามินหรืออาหารเสริมอย่างไรให้ถูกต้อง อ่านคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ซึ่งมักจะแสดงวิธีการเก็บรักษาไว้อย่างละเอียด พยายามอย่าเก็บในที่ๆ มีแสงแดด...

สารเพิ่มเนื้อ สารยึดเกาะ หรือสารอื่น ๆ ในวิตามินเสริมอาหารที่คุณควรรู้!!!

http://nbestourous.blogspot.com/2014/05/chemical-receptor-in-brain.html   มีอะไรในวิตามินเสริมอาหารมากกว่าที่เราเห็น และบางครั้งก็มากกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก สารเพิ่มเนื้อ สารยึดเกาะ สารหล่อลื่น และสารอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีกฎให้ต้องระบุไว้บนฉลาก จึงพบบ่อยครั้งที่ไม่มีการระบุใด ๆ แต่หากคุณยังสงสัยว่าคุณกลืนอะไรลงไปบ้าง รายชื่อสารต่อไปนี้น่าจะช่วยบอกคุณได้ สารเจือจาง (Diluent) หรือสารเพิ่มเนื้อ (Filler) เป็นสารที่ไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับสารอื่น แต่ถูกเติมลงไปในเม็ดยาเพื่อเพิ่มขนาดของเม็ดให้สามารถผ่านกระบวนการอัดเม็ดได้ อย่างเช่น ไดแคลเซียมฟอสเฟตซึ่งเป็นแหล่งของแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ดี มักใช้ในยี่ห้อที่มีคุณภาพ เป็นสารที่สกัดจากหินแร่บริสุทธิ์ มีลักษณะเป็นผงสีขาว แต่บางครั้งก็อาจนำเอาซอร์บิทอลและเซลลูโลส (เส้นใยจากพืช) มาใช้แทน สารยึดเกาะ...

วิตามินA D E K ในรูปแบบแห้ง หรือแบบละลายน้ำ คืออะไร?

http://www.berkeleywellness.com/supplements/vitamins/article/should-anyone-still-take-vitamin-e สำหรับวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น A D E และK จะมีในรูปแบบ “แห้ง” หรือแบบละลายน้ำ ซึ่งเป็นรูปแบบที่แนะนำสำหรับคนที่มักมีอาการเสียดท้องเมื่อต้องรับประทานน้ำมัน รวมทั้งผู้ที่เป็นสิวง่าย หรือเป็นโรคผิวหนังที่ไม่แนะนำให้รับประทานน้ำมัน และสำหรับผู้ที่พยายามลดน้ำหนักโดยรับประทานอาหารในกลุ่มไขมันให้น้อยที่สุด (วิตามินที่ละลายในไขมันต้องใช้ไขมันในการนำสารอาหารไปเสริมสร้างเนื้อเยื่อ หากเราต้องการอาหารไขมันต่ำ และต้องการรับประทานวิตามินที่ละลายในไขมัน แนะนำให้ใช้เป็นแบบแห้ง)

วิตามินเสริม แบบไหนที่ถูกขับออกไป หรือสะสมในร่างกาย?

http://www.popsugar.com/fitness/Vitamin-D-Calcium-Omega-3-Supplement-Benefits-23544715 ร่างกายของเรามีแนวโน้มที่จะขับสารต่าง ๆ ที่เรารับประทานออกมาทางปัสสาวะในเวลาประมาณสี่ชั่วโมง โดยเฉพาะบรรดาวิตามินที่ละลายน้ำมักเป็นไปตามกฎนี้เป็นส่วนมาก เช่น วิตามินบีและซี โดยเฉพาะหากรับประทานตอนท้องว่าง วิตามินบีและซีอาจจะถูกขับออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงหลังรับประทาน วิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ ดี อี และเค จะอยู่ในร่างกายเราประมาณ 24 ชั่วโมง ปริมาณที่มากเกินความจำเป็นจะถูกนำไปเก็บไว้ที่ตับได้นานขึ้น แต่วิตามินเอ และอีแบบแห้งจะไม่สามารถอยู่ในร่างกายได้นานเท่า

การเก็บรักษายา วิตามินและอาหารเสริม

http://vitaminsandhealthsupplements.com/2439/many-vitamin-c-supplements-high-quality-but-wide-price-differences/ ผลิตภัณฑ์วิตามิน และแร่ธาตุเสริมอาหาร ควรเก็บรักษาในที่แห้ง และมืดห่างไกลจากแสงแดด บรรจุในภาชนะที่ทึบและปิดมิดชิด ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็น นอกเสียจากว่าคุณอยู่ในสภาพภูมิอากาศแบบทะเลทราย เพื่อป้องกันความชื้น ให้ใส่ข้าว 5–10 เมล็ดลงไปในก้นกระปุกวิตามิน ข้าวจะดูดซับความชื้นตามธรรมชาติได้ วิตามินที่เก็บในที่เย็น พ้นจากแสง และปิดไว้อย่างดี จะมีประสิทธิภาพคงอยู่ได้ 2–3 ปี แต่เพื่อรับประกันความสดใหม่คุณควรเลือกซื้อยี่ห้อที่ระบุวันหมดอายุไว้ในฉลาก และเมื่อคุณเปิดกระปุกแล้วจะมีประสิทธิภาพคงอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน

วิตามินสังเคราะห์ vs วิตามินจากธรรมชาติ

https://healingautismandadhd.files.wordpress.com/2010/03/vitamins-pile.jpg เมื่อมีคนถามว่า วิตามินสังเคราะห์และวิตามินธรรมชาติมีข้อแตกต่างกันไหม คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับเรา ถึงแม้ว่าวิตามิน และแร่ธาตุสังเคราะห์จะให้ผลดีเช่นเดียวกับวิตามินธรรมชาติ แต่ประโยชน์ที่หลากหลายจากวิตามินธรรมชาตินั้นเหนือกว่า โครงสร้างทางเคมีของวิตามินทั้ง 2 ประเภทอาจจะเหมือนกัน แต่วิตามินธรรมชาติให้อะไรกับเราได้มากกว่า เพราะมีสารตัวอื่น ๆ รวมอยู่ด้วยมากกว่า http://vitamins.lovetoknow.com/How_Much_Vitamin_C_Is_in_an_Orange วิตามินซีสังเคราะห์มีเพียงกรดแอสคอร์บิกเท่านั้น แต่วิตามินซีธรรมชาติมีไบโอฟลาโวนอยด์ ซีคอมเพล็กซ์ทั้งกลุ่ม จึงส่งผลให้วิตามินซีทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า http://drwillard.com/blog/2015/01/the-basics-of-vitamin-e/ วิตามินอีธรรมชาติมีโทโคฟีรอลทุกชนิด ทั้งอัลฟา เบต้า แกมมา และเดลตา จึงมีประสิทธิภาพและถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าวิตามินสังเคราะห์ที่มีเพียงดีแอล-แอลฟาโทโคฟีรอล http://www.feminiya.com/11-tips-for-hungry-pregnant-moms-dos-and-donts/...